"ลูกถูกบูลลี่" สอนลูกยังไงให้จัดการอารมณ์และรู้จักยับยั้งชั่งใจเป็น | ทักษะ EF วันละตอน
- ASTA Mammy & Kids
- 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ยินคำว่าลูก "ถูกบูลลี่" แน่นอนว่าย่อมสร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครอยากเห็นลูกต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดจากคำพูดหรือการกระทำของคนอื่น แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถอยู่ปกป้องลูกได้ตลอดเวลา ดังนั้นการสอนให้ลูกมีเกราะป้องกันจากภายใน ผ่านการเรียนรู้ทักษะ EF หรือทักษะสมองที่ช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์ คิดก่อนทำ และจัดการกับสถานการณ์ยาก ๆ ได้อย่างมีสติ
ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ลูกรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างเข้มแข็ง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้คุณค่าในตัวเอง วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการรับมือกับปัญหาถูกบูลลี่ด้วยการสร้างทักษะ EF ที่จะช่วยให้ลูกมีเครื่องมือในการจัดการกับความรู้สึกยากๆ และเลือกตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการบูลลี่ค่ะ
ก่อนอื่น...ต้องเข้าใจก่อนว่า "ลูกไม่ได้ผิดที่รู้สึกโกรธ เสียใจ หรือกลัว"
เมื่อเด็กถูกบูลลี่ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในใจของเขาคือ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย บางคนอาจร้องไห้ บางคนอาจตอบโต้กลับด้วยความแรง หรือเด็กบางคนอาจเก็บเงียบจนดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย พ่อแม่หลายคนอาจเผลอพูดว่า "ไม่ต้องไปใส่ใจ" หรือ "ก็อย่าไปโกรธสิ" แต่ในความเป็นจริง เด็กต้องได้เรียนรู้การจัดการอารมณ์ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงอารมณ์
สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรก คือ ยอมรับความรู้สึกของลูกก่อน ลองพูดกับเขาว่า "แม่เข้าใจนะว่ามันทำให้หนูเสียใจมากเลย” ตัวอย่างของประโยคเรียบง่ายแบบนี้ช่วยให้สมองส่วน EF ของลูกเริ่มทำงาน เพราะเมื่อลูกได้รับการรับฟังและเข้าใจ สมองจะสงบลงพร้อมที่จะคิดมากกว่าที่จะตอบโต้
จุดเริ่มต้นของการรับมือที่ดี คือ "สติ" ที่เราสร้างให้ลูก
เชื่อได้ว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกถูกทำร้าย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม เมื่อลูกกลับมาพร้อมกับแววตาเศร้าสร้อย หรือระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะถูกเพื่อนบูลลี่ สิ่งที่เรามักจะแนะนำลูกทันทีคือ สู้กลับ ฟ้องครู หรือ อย่าไปสนใจ
คำแนะนำเหล่านี้ไม่ผิดนะคะ แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ ในวินาทีที่ความโกรธ ความอับอาย หรือความกลัวเข้าครอบงำ สมองส่วนควบคุมทักษะ EF ของลูกจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ลูกตอบโต้ออกไปอย่างขาดสติ ทั้งโต้กลับด้วยอารมณ์ หรือนิ่งเงียบจนถูกรังแกซ้ำ
หัวใจสำคัญของการรับมือการบูลลี่อย่างชาญฉลาด คือการฝึกทักษะ EF ด้านการควบคุมอารมณ์และการยับยั้งชั่งใจ ให้ลูกสามารถหยุดตัวเองได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายอื่นๆตามมา
3 เสาหลัก ทักษะ EF ที่ต้องฝึกให้ลูก ที่ช่วยให้ลูกรับมือกับปัญหาถูกบูลลี่

เมื่อลูกถูกบูลลี่ สมองของเขาจะเกิดกระบวนการที่ซับซ้อนมาก การที่เราสอนให้ลูกยั้งคิดและรู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ทันท่วงทีจะช่วยให้ลูกเปลี่ยนจากเหยื่อที่เอาแต่โกรธหรือร้องไห้ เป็นคนที่สามารถเลือกวิธีการตอบสนองที่สร้างสรรค์ได้
ทักษะ EF ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่ทุกอย่างราบรื่น แต่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยาก แต่เป็นช่วงเวลาที่ลูกต้อง ควบคุมตัวเองแม้จะอยากโต้กลับ ต้องฝึกคิดหาทางออกแม้จะรู้สึกกลัว และต้องเลือกการกระทำที่ไม่ทำร้ายใคร แม้ตัวเองจะเจ็บอยู่
1. ฝึกหยุดตัวเอง (Inhibitory Control : ทักษะการยับยั้งชั่งใจ)

เมื่อถูกล้อเลียนหรือโดนยั่วยุ สัญชาตญาณแรกของเด็กคือ การโต้ตอบกลับทันที (ไม่ว่าจะด้วยความโกรธ ร้องไห้ หรือการสู้กลับ) ซึ่งมักทำให้สถานการณ์แย่ลง การฝึกให้ลูกยับยั้งชั่งใจ คือการมอบเวลาหายใจให้สมองได้คิด
พ่อแม่จะช่วยฝึกลูกได้อย่างไร
โค้ชท่าทางหยุด : สอนลูกว่าเมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่ชอบใจ ให้ใช้ท่าทางหยุดตัวเองทันที เช่น กำมือแน่น หายใจเข้าลึก ๆ หรือก้าวถอยหลัง 1 ก้าว แล้วพูดในใจว่า "หยุดฟัง... ตั้งสติ"
ใช้คำพูดสั้น ๆ แต่หนักแน่น : ฝึกให้ลูกพูดเพียงสั้น ๆ และใช้เสียงที่มั่นคง ไม่ใช่อารมณ์ เช่น "พอได้แล้วนะ" หรือ "เราไม่เล่นแบบนี้" แล้วเดินออกมาทันที การไม่ตอบโต้ยืดยาวจะทำให้ผู้บูลลี่ไม่ได้พลังงานในการแกล้งต่อ
เกมฝึกการรอคอย : การเล่นเกมที่ต้องรอคอย หรือต้องยับยั้งการกระทำบางอย่าง
2. จัดการกับความร้อนในใจ (Emotional Control : การควบคุมอารมณ์)

เมื่อลูกถูกบูลลี่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือความเจ็บปวด ความโกรธ และความรู้สึกไร้ค่า เราต้องช่วยลูกระบุถึงอารมณ์นั้นและระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมาอย่างปลอดภัย
พ่อแม่จะช่วยฝึกลูกได้อย่างไร
รับฟังด้วยความจริงใจ : สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำคือ รับฟัง ค่ะ ให้ลูกเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่ขัดจังหวะ และไม่ตัดสิน เช่น "ลูกคงรู้สึกโกรธมากเลยใช่ไหมที่เขาพูดแบบนั้น" การที่ลูกได้ระบายออกมาถือเป็นการลดความร้อนแรงของอารมณ์ลง
สอนเทคนิคระบายความโกรธ : เมื่อลูกโกรธ ให้สอนวิธีระบายที่ไม่ทำร้ายใคร เช่น การวาดรูปปีศาจแห่งความโกรธ การฉีกกระดาษ การบีบลูกบอลนุ่ม ๆ หรือการไปวิ่งรอบบ้าน การทำแบบนี้คือการใช้ทักษะ EF ในการเบี่ยงเบนความสนใจจากความรู้สึกเชิงลบ
เป็นต้นแบบที่ดี : เมื่อคุณพ่อคุณแม่โมโห ก็ต้องแสดงให้ลูกเห็นว่าเราใช้ทักษะ EF ในการควบคุมอารมณ์อย่างไร เช่น พูดว่า "ตอนนี้แม่กำลังหงุดหงิดมาก แม่ขอไปหายใจลึกๆ 5 ครั้งก่อนนะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน
3.คิดหาทางออกที่ชาญฉลาด (Cognitive Flexibility : ความยืดหยุ่นทางความคิด)

เมื่อลูกสามารถยับยั้งอารมณ์โกรธหรือกลัวได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการฝึกทักษะ EF ด้านการคิดเชิงยืดหยุ่น เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่การตอบโต้ด้วยความรุนแรง
พ่อแม่จะช่วยฝึกลูกได้อย่างไร
ชวนลูกระดมสมอง ด้วยการถามลูกว่า "คราวหน้าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก หนูคิดว่ามีวิธีแก้ปัญหาอะไรได้อีกบ้าง?”
วิธีที่ 1 : เดินหนีทันที
วิธีที่ 2 : บอกครู
วิธีที่ 3 : หาเพื่อนที่ไว้ใจอยู่ด้วย
วิธีที่ 4 : โต้กลับด้วยคำพูดตลก (ถ้าสถานการณ์ไม่รุนแรง)
ประเมินข้อดี/ข้อเสียร่วมกัน : ชวนลูกมาวิเคราะห์ว่าแต่ละวิธีมีผลลัพธ์อย่างไร เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นทักษะการตัดสินใจในทักษะ EF
การถูกบูลลี่อาจเป็นประสบการณ์ที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด แต่ในขณะเดียวกันอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเรียนรู้เรื่องความอดทน เห็นอกเห็นใจ และรู้คุณค่าของตัวเอง ถ้าพ่อแม่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน ไม่รีบสอน ลูกจะเรียนรู้ว่าเขาสามารถควบคุมใจตัวเองได้ แม้โลกภายนอกจะควบคุมไม่ได้เลยก็ตาม การสอนให้ลูกฝึกทักษะ EF ทั้งด้านการยับยั้งชั่งใจและการควบคุมอารมณ์ จะช่วยให้ลูกไม่ได้แค่รอดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ทำให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รู้คุณค่าของตัวเอง และสามารถจัดการชีวิตได้อย่างมีคุณภาพค่ะ
มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก
วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?
-A.smartbrain-







ความคิดเห็น