หน้าหลัก
Shop All
แนะนำสินค้าแต่ละช่วงวัย
บทความน่ารู้
เกี่ยวกับเรา
FAQ
รีวิว
More
พัฒนาการเด็กคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เด็กเติบโตและเรียนรู้จากแรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งครอบคลุมด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การเข้าใจพัฒนาการเด็กช่วยให้ผู้ปกครองสนับสนุนการเรียนรู้และเติบโตของลูกได้อย่างเหมาะสม
พัฒนาการเด็กแบ่งออกเป็นช่วงวัยต่างๆ เช่น วัยทารก วัยเตาะแตะ วัยก่อนเรียน วัยเรียน ซึ่งแต่ละช่วงวัยจะมีพัฒนาการที่โดดเด่นในด้านที่แตกต่างกัน เช่น วัยทารกเน้นการเคลื่อนไหวและการรับรู้ประสาทสัมผัส ส่วนวัยก่อนเรียนเน้นการเรียนรู้ทางสังคมและภาษา
ผู้ปกครองสามารถสังเกตพัฒนาการลูกเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานตามช่วงวัยได้ เช่น การพลิกคว่ำ คืบ คลาน เดิน พูดคำแรก และสามารถปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กได้หากมีข้อสงสัย
พัฒนาการของเด็กวัย 3 เดือนจะครอบคลุมทั้งด้านอารมณ์ ร่างกาย การเรียนรู้ สังคม และการสื่อสาร โดยเด็กจะเริ่มแสดงออกมากขึ้น เช่น ยิ้ม ส่งเสียงอ้อแอ้ ชันคอในท่าคว่ำได้ดีขึ้น มองตามสิ่งเคลื่อนไหวได้
เด็กวัยนี้จะเริ่มหัดเดินหรือเดินได้มั่นคง เริ่มพูดคำง่ายๆ หรือประโยคสั้นๆ มีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ และเริ่มเรียนรู้การจำหน้าคนหรือชื่อสิ่งของต่างๆ
เด็กวัย 9 เดือนสามารถลุกขึ้นนั่งเองได้ เกาะเดินได้บ้าง หยิบของชิ้นเล็กด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วอื่นๆ ได้ ทำท่าทางตามคำสั่งง่ายๆ เช่น โบกมือบ๊ายบาย หรือตบมือได้
เด็กวัย 3 ขวบจะสามารถบอกชื่อและเพศตนเองได้ เล่าเรื่องที่พบเจอมาได้พอเข้าใจ พูดเป็นวลี 3-4 คำหรือประโยคสั้นๆ ยืนขาเดียวได้ 2-3 วินาที และขี่รถสามล้อเด็กได้ การส่งเสริมทำได้โดยการตั้งคำถามให้เด็กตอบบ่อยๆ เล่านิทาน หรือชวนเล่นบทบาทสมมติ
ควรให้เด็กได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายที่เหมาะสม พาไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ และกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
ความรัก ความเข้าใจ การให้เวลาคุณภาพ การเป็นแบบอย่างที่ดี การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมการเรียนรู้ และการเป็นผู้ฟังที่ดีของลูก
หากลูกไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ การพาไปฝึกพัฒนาการกับผู้เชี่ยวชาญอาจช่วยได้ เพื่อให้ลูกมีวิธีการสื่อสารกับคุณได้ดีขึ้น
หากคุณรู้สึกว่าลูกมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เพื่อขอคำแนะนำและการตรวจสอบที่ถูกต้อง
ปัญหาพัฒนาการล่าช้าสามารถแก้ไขได้ด้วยการบำบัดและการกระตุ้นพัฒนาการหลากหลายรูปแบบ เช่น การบำบัดการพูด กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด หรือการฝึกทักษะทางสังคม โอกาสที่จะหายขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ความสม่ำเสมอในการบำบัด และความร่วมมือจากครอบครัว
อาจเกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ เช่น ประวัติมารดาเจ็บป่วยหรือใช้สารเคมีขณะตั้งครรภ์ ปัญหาขณะคลอด (เช่น ขาดออกซิเจน คลอดก่อนกำหนด) หรือประวัติครอบครัวที่มีสมาชิกพัฒนาการผิดปกติ
สัญญาณเตือนอาจรวมถึงการไม่ตอบสนองต่อเสียง ไม่สบตา ไม่ยิ้ม ไม่พลิกคว่ำหรือคลานตามวัยที่เหมาะสม ไม่พูดคำแรกเมื่อถึงเวลา หรือมีพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หากสังเกตเห็น