top of page

สอนลูกยังไงให้รอเป็น ฉบับพ่อแม่มือใหม่ | ทักษะ EF วันละตอน

ree

หนึ่งในพฤติกรรมที่พ่อแม่มือใหม่มักจะเจอคือ ลูกอยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น ไม่ว่าจะเป็นขนม ของเล่น หรือแม้กระทั่งการเรียกร้องความสนใจ หากไม่ได้ตามที่ต้องการก็อาจงอแง ร้องไห้ หรือโวยวาย ซึ่งจริงๆ แล้วการฝึกให้ลูก “รอเป็น” ไม่ใช่แค่เรื่องความอดทน แต่ยังเกี่ยวข้องกับทักษะ EF ที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในอนาคตด้วย


สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังเผชิญหน้ากับความงอแงของลูกเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนไปหาคำตอบว่าจะช่วยฝึกให้ลูกรู้จักรอคอยให้เป็นได้อย่างไรบ้าง? มาดูวิธีง่ายๆ ที่เริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ


ฝึกลูกให้รู้จัก “รอคอยให้เป็น” สำคัญอย่างไร


การรอคอย เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความอดทนและควบคุมตัวเองได้ ซึ่งทักษะ EF (Executive Functions) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาความสามารถด้านนี้ของเด็ก หากพ่อแม่เข้าใจและนำมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้การสอนลูกเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น



“การรอ” ให้เป็นนั้นไม่ได้หมายถึงการรอเฉยๆ แต่รวมถึงการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง  เด็กที่ฝึกทักษะนี้ได้ดี จะมีสมาธิมากขึ้น  อดทนต่อความยากลำบากได้ดียิ่งขึ้น และสามารถจัดการกับความรู้สึกต่างๆ เช่น ความหงุดหงิด ความคับแค้น ได้อย่างเหมาะสม  ผลลัพธ์จากการฝึกฝนทักษะนี้ ส่งผลต่อการเรียนรู้ การเข้าสังคม และการมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันของลูกได้อย่างลึกซึ้ง



แล้วพ่อแม่จะช่วยลูกฝึก “รอคอย” ได้อย่างไรบ้าง? มาดูวิธีง่ายๆ ไปพร้อมกัน


1.  เริ่มต้นด้วยการสังเกตความสามารถของลูก


ก่อนจะเริ่มสอน  คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตพัฒนาการของลูกอย่างละเอียด  ลูกแต่ละคนมีอัตราการพัฒนาที่แตกต่างกัน  เด็กอายุ 2 ขวบ อาจรอคอยได้สั้นกว่าเด็กอายุ 5 ขวบ  ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับอายุและความสามารถของลูก  อย่ากดดันหรือเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น  การปลูกฝังอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอจะส่งผลดีกว่าการบังคับ


2. เริ่มจากสถานการณ์เล็กๆ ในชีวิตประจำวัน 

การฝึกทักษะ EF ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องซับซ้อน เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันได้เลย เช่น

  • รอคอยอาหาร : ขณะที่พ่อแม่กำลังจัดเตรียมอาหาร บอกลูกให้รู้ว่า "อีก 2 นาที เราจะได้กินข้าวกันแล้วนะ" การกำหนดเวลาที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกเห็นภาพและรู้สึกว่าการรอคอยไม่ได้ยาวนานอย่างที่คิด

  • รอคอยของเล่น : ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกอยากได้ของเล่นที่เพื่อนกำลังเล่นอยู่ ให้สอนให้ลูกบอกกับเพื่อนว่า "เล่นเสร็จแล้วขอยืมบ้างนะ" และชวนลูกไปทำกิจกรรมอื่นระหว่างรอคอย เช่น อ่านหนังสือ หรือวาดรูป

  • รอคอยในคิว : ไม่ว่าจะเป็นคิวซื้อของ หรือคิวขึ้นรถไฟฟ้า ให้ชวนลูกสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวระหว่างรอคอย เช่น สีรถที่ผ่านไป หรือรูปทรงของตึกต่างๆ การเบี่ยงเบนความสนใจจะช่วยลดความหงุดหงิดลงได้มาก

สถานการณ์เหล่านี้ช่วยให้สมองลูกได้ฝึก “เบรกตัวเอง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะ EF โดยไม่รู้ตัว


3. พ่อแม่ใช้คำพูดและท่าทางที่ช่วยให้ลูก "เข้าใจ" การรอคอย

นั่นก็เพราะคำพูดของพ่อแม่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการรับรู้ของลูกนะคะ การใช้คำสั่งที่ชัดเจนและสั้นจะช่วยให้ลูกเข้าใจว่าต้องทำอะไร เช่น แทนที่จะบอกว่า "อย่าเพิ่งไปวิ่ง" ให้เปลี่ยนเป็น "เดินช้าๆ นะลูก" หรือ "ยืนรอกับแม่ตรงนี้นะ" ซึ่งการใช้คำพูดเชิงบวกและเข้าใจง่ายจะช่วยส่งเสริมทักษะ EF ให้ลูกได้ดีกว่า


นอกจากนี้ การใช้ท่าทางประกอบ เช่น การยกมือขึ้นเพื่อบอกให้ลูกหยุด หรือการชี้ไปที่จุดที่เราจะยืนรอ ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ลูกเข้าใจคำสั่งได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


4.พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องความอดทนรอคอยให้ลูก

สิ่งสำคัญที่สุดในการสอนลูกให้รอเป็นคือ "การเป็นตัวอย่างที่ดี" พ่อแม่ควรแสดงให้ลูกเห็นว่าเราเองก็มีความอดทน เช่น เมื่อเจอรถติด เราก็ใช้เวลาว่างระหว่างนั้นพูดคุยกับลูกแทนที่จะบ่น หรือเมื่อของที่สั่งมาถึงช้า เราก็บอกลูกว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวของก็มา"


การที่ลูกได้เห็นแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ จะช่วยให้เขาได้ซึมซับพฤติกรรมเชิงบวก และลูกจะเข้าใจว่าทักษะ EF เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพัฒนา และเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสงบสุข


5.อย่าลืมชมเชยเมื่อลูกรู้จักรอได้

การเสริมแรงเชิงบวกเป็นหัวใจสำคัญ เมื่อใดก็ตามที่ลูกสามารถรอคอยได้แม้เพียงช่วงสั้นๆ พ่อแม่ควรให้คำชม เพราะการชมเชยไม่ได้ช่วยแค่ให้ลูกดีใจ แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาทำถูกต้องและสมควรทำต่อไป คำชมจะช่วยให้เด็กรู้สึกภูมิใจ และอยากทำซ้ำ พฤติกรรมการรอก็จะค่อยๆ กลายเป็นนิสัยติดตัวไปตลอด เช่น

-“เก่งมากเลยที่รอคุณแม่ใส่รองเท้าเสร็จ”

- “หนูรอคิวเล่นชิงช้าได้ดีมาก”



6. เข้าใจอารมณ์ของลูก ไม่เร่ง ไม่กดดัน

อย่าลืมว่าเด็กแต่ละวัยมีขีดความสามารถในการรอคอยต่างกัน เด็กวัยอนุบาลอาจรอได้ไม่กี่นาที แต่พอโตขึ้นเขาจะรอได้นานขึ้นเรื่อยๆ การที่พ่อแม่เข้าใจและไม่กดดันเกินไป จะช่วยให้การฝึกพัฒนาทักษะ EF ของลูกเป็นไปอย่างราบรื่น


การสอนลูกให้ “รอเป็น” ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับพ่อแม่มือใหม่นะคะ แม้จะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มต้นได้จากเรื่องเล็กๆรอบตัว จะทำให้ลูกค่อยๆ ซึมซับความอดทนและการยับยั้งใจได้เอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรากฐานสำคัญของทักษะ EF ที่จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างมั่นใจและมีวินัยในตัวเอง


มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-


ความคิดเห็น


bottom of page