top of page

วิธีเลิกนิสัยงอแงของลูก คุณพ่อคุณแม่ทำได้! | ทักษะ EF วันละตอน

  • รูปภาพนักเขียน: ASTA Mammy & Kids
    ASTA Mammy & Kids
  • 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

ree

"ทำไมลูกงอแงบ่อยจัง?" เป็นคำถามยอดฮิตของคุณพ่อคุณแม่หลายบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการร้องไห้เพราะไม่ได้ของเล่น งอแงอยากให้แม่อุ้มตลอดเวลา หรือไม่พอใจเวลามีใครขัดใจ จริงๆ แล้วพฤติกรรมงอแงถือเป็นเรื่องปกติของเด็ก แต่หากปล่อยไว้นานๆ อาจทำให้ลูกติดนิสัย และยากที่จะปรับแก้ในอนาคต


ซึ่งพ่อแม่สามารถค่อยๆ ช่วยลูกเลิกนิสัยงอแงได้โดยไม่ต้องใช้การดุหรือตะคอก แต่ใช้การเข้าใจและการฝึกฝนทักษะ EF ที่เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ การยับยั้งใจ และการสื่อสารแทน มาดูกันว่าทำได้อย่างไรบ้าง เพื่อช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตามไปดูกันเลย


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง

ก่อนจะไปถึงวิธีแก้ไขต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "การงอแง" ของลูกคือการแสดงออกทางอารมณ์อย่างหนึ่ง และมักมีสาเหตุซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอ เช่น ลูกอาจรู้สึกหิว ง่วง เหนื่อย เบื่อ หรือต้องการความสนใจจากคุณ การทำความเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้พ่อแม่รับมือได้อย่างตรงจุด 

โดยสังเกตและทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกว่ามีอะไรนำมาก่อนที่ลูกจะงอแง เช่น ถ้าลูกงอแงทุกครั้งก่อนมื้ออาหาร อาจเป็นเพราะลูกหิว ถ้าลูกงอแงก่อนเวลาเข้านอน อาจเป็นเพราะลูกง่วง 

รวมถึงสอนให้ลูกสื่อสารความรู้สึก : เมื่อลูกเริ่มงอแง ให้ลองถามด้วยคำถามง่ายๆ เช่น “หนูง่วงหรือเปล่าลูก” หรือ “หนูอยากให้แม่ช่วยอะไรไหม” การทำแบบนี้เป็นการฝึกให้ลูกเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงความรู้สึกของตัวเองกับสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทักษะ EF ในการเข้าใจตนเอง


พ่อแม่ใช้คำพูดและท่าทางที่มั่นคง

เมื่อลูกเริ่มงอแง พลังงานด้านลบอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หงุดหงิดตามได้ง่ายๆ แต่สิ่งสำคัญคือการใช้ท่าทีที่สงบและมั่นคง เพราะท่าทีของคุณพ่อคุณแม่จะส่งผลโดยตรงต่อทักษะ EF ในการควบคุมอารมณ์ของลูก

  • ใช้คำพูดที่ชัดเจนและสั้น : แทนที่จะบอกว่า "เลิกงอแงเดี๋ยวนี้" ให้ลองเปลี่ยนเป็น "มานั่งกับแม่ตรงนี้ก่อนนะ" หรือ "หนูสงบลงก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน" การใช้คำสั่งที่ชัดเจนและสงบจะช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและมีแนวโน้มที่จะทำตามมากขึ้น

  • ใช้ท่าทางที่มั่นคงแต่ไม่รุนแรง : การกอดลูกเบาๆ หรือการจับมือลูกจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและสงบลงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยลดการตอบสนองทางอารมณ์ในขณะนั้น และเป็นการฝึก ทักษะ EF ด้านการควบคุมตนเอง



ฝึกให้ลูกรู้จักคิดและวางแผน

เมื่อลูกเริ่มควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ลองชวนลูกทำกิจกรรมที่ช่วยฝึกทักษะ EF ด้านการคิดและวางแผนในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ในอนาคต ลองให้ทางเลือกลูก แทนที่จะให้ลูกทำตามคำสั่ง ลองให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น "วันนี้หนูอยากใส่เสื้อสีแดงหรือสีเหลือง" หรือ "หนูอยากไปเล่นของเล่นก่อนหรืออาบน้ำก่อน" การให้ลูกได้ตัดสินใจเองจะช่วยฝึกให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์และวางแผนล่วงหน้า

หรือการสร้างกิจวัตรประจำวันที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกเข้าใจลำดับเหตุการณ์ และเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ดีขึ้น เช่น การกำหนดเวลาเล่น เวลาอ่านหนังสือ หรือเวลาก่อนนอน เป็นการช่วยให้ลูกรู้จักจัดการเวลาและคาดการณ์สิ่งต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งด้านที่สำคัญของทักษะ EF


สอนให้ลูกรู้จักคำว่า “รอ”

เด็กที่งอแงบ่อย มักเพราะอยากได้สิ่งที่ต้องการทันที การฝึกให้เขา “รอเป็น” ไม่เพียงช่วยลดการร้องเรียกหรือโวยวาย แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานให้ลูกเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ และจัดการความต้องการของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ ทักษะ EF ที่จะใช้ไปตลอดชีวิตนั่นเอง


-เริ่มจากเวลาสั้นๆ แล้วค่อยเพิ่มขึ้น

อย่าคาดหวังว่าเด็กจะรอได้ทันที 10–15 นาทีตั้งแต่แรก เริ่มจากเวลาสั้นๆ เช่น 30 วินาที – 1 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 3 นาที 5 นาที และนานขึ้นตามวัย เด็กจะรู้สึกว่าการรอไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป


-สร้างกิจกรรมเล็กๆ ระหว่างรอ

เด็กที่มัวแต่นั่งเฉยๆ จะรู้สึกว่าการรอเป็นเรื่องทรมาน พ่อแม่สามารถให้กิจกรรมง่ายๆ ทำระหว่างรอ เช่นให้ลูกเล่าเรื่องที่เขาชอบ ให้หยิบหนังสือมานั่งเปิดดู เล่นเกมสั้นๆ อย่างเป่ายิ้งฉุบ การมีกิจกรรมจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ และทำให้เวลาผ่านไปไวขึ้น


-ใช้กติกาชัดเจนและสม่ำเสมอ

กติกาจะช่วยให้ลูกเข้าใจว่า “ทุกอย่างมีลำดับเวลา” เช่น “หนูรอครบ 5 นาที จะได้เล่นเกม” ,“ถ้ารอคิวของหนู จะได้ขึ้นชิงช้าพอดี” สิ่งสำคัญคือคุณพ่อแม่ต้องรักษากติกานั้นอย่างสม่ำเสมอ หากบอกว่าจะให้ เมื่อตรงเวลาก็ควรทำตามจริง เด็กจะเรียนรู้ว่าการรอมีผลลัพธ์เสมอ


ใช้การพูดคุยแทนการตะคอก

หลายครั้งเมื่อลูกงอแง คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเลือกใช้วิธีการดุเสียงดังหรือการตะคอกใส่ลูก ซึ่งการกระทำแบบนี้อาจทำให้ลูกยิ่งร้องไห้หนักขึ้น และเรียนรู้ว่าการแก้ปัญหาคือการใช้อารมณ์แทนที่จะใช้เหตุผล ทางที่ดีคือพูดคุยด้วยน้ำเสียงสงบ อธิบายให้เขาเข้าใจ เช่น “แม่รู้ว่าหนูอยากได้ของเล่นนี้ แต่วันนี้แม่ยังไม่สะดวกซื้อนะ” “หนูอยากให้แม่อุ้ม แต่แม่ขอทำกับข้าวก่อน เดี๋ยวแม่จะกอดหนูหลังจากนี้นะ” เมื่อพ่อแม่สื่อสารด้วยเหตุผล ลูกก็จะเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์ตัวเอง และค่อยๆ ลดการงอแงลง


ชมเชยเมื่อเขาควบคุมอารมณ์ได้

ทุกครั้งที่ลูกพยายามควบคุมตัวเองได้แม้เพียงเล็กน้อย คำชมเชยจากพ่อแม่จะเป็นกำลังใจสำคัญ เช่น “เก่งมากที่รอได้โดยไม่งอแง”,“แม่ดีใจที่หนูอธิบายความรู้สึกกับแม่ แทนที่จะร้องไห้” การชมเชยอย่างเฉพาะเจาะจงจะทำให้ลูกอยากทำซ้ำ และค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ที่มั่นคง



การรับมือกับปัญหาลูกงอแงเป็นความท้าทายที่พ่อแม่ทุกคนต้องเจอ แต่ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องอาศัยความเข้าใจเเละวิธีการที่เหมาะสม การสังเกตเเยกแยะความต้องการที่แท้จริงเเละนำทักษะ EF มาปรับใช้คุณพ่อคุณแม่ก็จะสามารถรับมือกับลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้และมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลได้ในที่สุด


มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-

ความคิดเห็น


bottom of page