top of page

ทำยังไงให้ลูกกลายเป็น"ผู้ฟังที่ดี" ลองฝึกด้วย EF ด้านความจำเพื่อใช้งาน | ทักษะ EF วันละตอน

ree

คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกไหมคะว่า... เวลาที่เราพูดอะไรกับลูกไปแล้ว ลูกทำเหมือน "ไม่ได้ยิน" หรือ "ฟังไม่จบ" ทั้ง ๆ ที่เราก็พูดเสียงดังพอสมควรแล้ว?


“ลูก เก็บของในห้องก่อนนะ แล้วค่อยออกมากินข้าว” ผ่านไป 10 นาที ลูกยังนั่งเล่นอยู่ที่เดิม ความจริงแล้วเด็กไม่ได้ตั้งใจไม่ฟัง แต่เพราะสมองเขายังเก็บคำสั่งไม่ครบ เเละนี่คือหัวใจของทักษะหนึ่งที่สำคัญมากในกลุ่ม ทักษะ EF นั่นคือ Working Memory – ความจำเพื่อใช้งาน และนี่คือทักษะที่ทำให้เด็กฟังจริง ทำตามได้จริง และตั้งใจฟังมากขึ้นเรื่อยๆ การฟังไม่ใช่แค่การได้ยิน แต่คือการที่สมองสามารถ เก็บข้อมูลชั่วคราว ในขณะที่กำลังประมวลผลและ ตัดสินใจทำตาม ไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นการฝึกให้ลูกเป็นผู้ฟังที่ดี จึงเริ่มต้นจากการเสริมสร้าง EF ด้านนี้ให้แข็งแรงค่ะ


วันนี้ชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจง่ายๆ ว่า ทำยังไงให้ลูกกลายเป็น ผู้ฟังที่ดี ได้ ด้วยการฝึก Working Memory แบบในชีวิตประจำวัน เเละจะฝึกลูกได้อย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลย


ทำความเข้าใจ ความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory) คืออะไร?

ลองนึกภาพว่า ความจำเพื่อใช้งาน คือ "โต๊ะทำงาน" ในสมองของเราค่ะ เมื่อมีใครพูดอะไรกับเรา ข้อมูลนั้นจะถูกวางไว้บนโต๊ะนี้ชั่วคราว เพื่อให้เราสามารถใช้ข้อมูลนั้นทำงานต่อได้ เช่น ผู้ใหญ่มักจะเก็บตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ไว้ในหัว ขณะที่กำลังกดโทรออก หรือเด็กจะเก็บคำสั่ง 2-3 ขั้นตอนไว้ในหัว ขณะที่กำลังเดินไปทำตามคำสั่งนั้น


ถ้าโต๊ะทำงาน (Working Memory) ของลูกเล็กเกินไป หรือรกไปด้วยสิ่งรบกวน ลูกก็จะสามารถเก็บคำสั่งได้เพียงแค่คำสั่งเดียว และคำสั่งอื่น ๆ ก็จะร่วงหล่นไปจากความจำทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกถึงสามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ เช่น ไปหยิบรองเท้าได้ แต่จะล้มเหลวเมื่อเจอคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ไปหยิบรองเท้า แล้วเอามาวางข้างประตู แล้วค่อยไปล้างมือ


ทำไมทักษะ EF ด้าน Working Memory ถึงทำให้เด็กเป็น “ผู้ฟังที่ดี” ?

ทักษะความจำเพื่อใช้งาน หรือ Working Memory  คือความสามารถที่ช่วยให้เด็ก ฟัง–เก็บ–คิด–ทำตามได้ เหมือนมีลิ้นชักในหัวที่เก็บคำสั่งสั้นๆ ไว้ชั่วคราว เช่น “หยิบรองเท้า แล้วมาใส่ตรงนี้นะลูก” , “ไปล้างมือก่อน แล้วค่อยหยิบขนม” , “เก็บตัวต่อ แล้วหยิบหนังสือมา 1 เล่ม”


ถ้าลูกยังมีความจำเพื่อใช้งานที่อ่อนลิ้นชักในหัวของเขาจะใส่ข้อมูลได้ นิดเดียว ฟังพ่อแม่ไม่จบ หรือเก็บคำสั่งแรกได้ แต่ลืมคำสั่งที่สอง เลยเกิดอาการฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตั้งใจฟังอยู่ แต่ถ้าเราฝึกอย่างถูกวิธีเด็กจะกลายเป็นผู้ฟังที่ตั้งใจ ฟังจบ และทำตามได้ดีขึ้นจริงเพราะเขาจดจำสิ่งที่ฟังไว้ในหัวได้อย่างมีระบบนั่นเองค่ะ


เมื่อ ทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งานแข็งแรงขึ้น ลูกจะสามารถ : • เก็บข้อมูลได้นานขึ้น : จำคำสั่งที่มี 2-3 ขั้นตอนได้โดยไม่ลืมระหว่างทาง • จัดการกับสิ่งรบกวน : สามารถตั้งใจฟังคุณได้ แม้จะมีเสียงทีวีหรือของเล่นน่าสนใจอยู่รอบตัว • เชื่อมโยงข้อมูล : เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ได้ยิน (คำสั่ง) กับสิ่งที่ต้องทำ (การกระทำ)


กุญแจสำคัญคือ การเล่น ที่เน้นการ "จำ" และ "ทำตาม" กฎหรือลำดับขั้นตอนอย่างสนุกสนานค่ะ


ree

ฝึกทักษะความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory) ตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก?                           เพราะช่วงวัยอนุบาล หรือประถมต้นคือช่วงที่ทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งาน หรือ Working Memory เติบโตเร็วที่สุด การฝึกตอนนี้เหมือนวางรากฐานสมองให้แข็งแรง และส่งผลต่อทักษะอื่นๆ ด้วย เช่นการเรียน การเข้าใจคำสั่งในห้องเรียน การเล่นร่วมกับเพื่อน การควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ เด็กที่มีทักษะความจำเพื่อใช้งานที่ดีมักจะฟังเข้าใจง่าย และเป็น “ผู้ฟังที่ดี” ทั้งในบ้านและที่โรงเรียน


วิธีฝึกให้ลูกเป็น “ผู้ฟังที่ดี” ด้วยทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งาน

1) ใช้ประโยคที่สั้น กระชับ และทีละขั้น           เด็กเล็กยิ่งใช้คำสั้นๆ เท่าไหร่ ยิ่งฟังง่ายขึ้น เช่น จากเดิมที่อาจเคยพูดกับลูกว่า  “ลูกเก็บของเล่น ล้างมือ ใส่รองเท้า แล้วออกไปข้างนอกนะ” ลองเปลี่ยนมาใช้ประโยคที่สั้นและกระชับขึ้น เช่น “ลูก เก็บของเล่นก่อนนะจ้ะ” แล้วค่อยตามด้วยขั้นตอนต่อไป


2) ให้ลูก “พูดทวนคำสั่ง” ก่อนทำ เพื่อฝึกการจดจำ ก่อนที่ลูกจะลงมือทำตามคำสั่งของคุณ ให้ลูกทวนว่า เช่น  “เมื่อกี้แม่ให้หนูทำอะไรบ้างนะคะ/ครับ?” วิธีนี้ช่วยยืนยันว่าลูกได้รับข้อมูลครบถ้วน เเละเป็นการช่วยจัดระเบียบข้อมูลในสมองของเขา เมื่อเด็กพูดออกมาด้วยตัวเองความจำเพื่อใช้งานของลูกจะทำงานดีขึ้นทันที


3) เล่นเกมสั้นๆ ตามคำสั่ง 2 - 3 ขั้นตอน เพื่อเพิ่มความจำฟังแล้วทำ

เช่น 

• เริ่มจากคำสั่งง่าย ๆ (1 ขั้นตอน) : “หยิบหมอน” • ค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อน (2 ขั้นตอน) : "หยิบหมอน แล้ว เอาไปวางบนเก้าอี้” • เพิ่มความท้าทาย (3 ขั้นตอน) : "หยิบหมอน แล้ว เอาไปวางบนเก้าอี้ แล้ว บอกรักแม่"


เคล็ดลับ : หากลูกลืม ให้พูดซ้ำช้า ๆ อย่าตำหนิ แต่ให้กำลังใจเมื่อเขาพยายามทำสำเร็จ


4) ลดสิ่งรบกวนรอบตัวเมื่อต้องการให้ลูกฟัง   เด็กที่มีสิ่งดึงดูดเยอะ เช่น ทีวี ของเล่น เสียงดัง นั่นเป็นสาเหตุที่มักจะใช้ทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งานได้น้อยลง  เวลาสื่อสารเรื่องสำคัญ ควรดึงลูกมาใกล้ๆ แตะไหล่นุ่มๆ แล้วค่อยพูด อย่าลืมสบตาลูกขณะพูด จะช่วยดึงสมาธิทั้งหมดของลูกมาอยู่ที่คำพูดของคุณ


5) ให้คำชมแบบชี้เฉพาะเมื่อเขาฟังดีขึ้น   เช่น “เมื่อกี้ลูกฟังแม่จนจบนะ เก่งมากเลย” ลักษณะของคำชมแบบนี้จะช่วยให้เด็กอยากฟังมากขึ้นในครั้งต่อไป


ree

การเป็น ผู้ฟังที่ดี เริ่มต้นจากสมองที่พร้อมเรียนรู้การที่ลูกกลายเป็น "ผู้ฟังที่ดี" ไม่ได้แปลว่าลูกต้องทำตามคำสั่งเราทุกอย่างแบบไร้ข้อโต้แย้งนะคะ แต่หมายถึงการที่ลูกสามารถ รับ ประมวลผล และตอบสนองต่อข้อมูล ที่ซับซ้อนได้อย่างเหมาะสม เมื่อคุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่าง ทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งานกับการเป็นผู้ฟังที่ดีแล้ว การฝึกฝนก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกและสร้างสรรค์ค่ะ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ แล้วคุณจะประหลาดใจว่า ลูกจะเริ่มตั้งใจฟังและทำตามคำสั่งที่มีความซับซ้อนได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ


มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-


ความคิดเห็น


bottom of page