top of page

ลูกทำไม่ได้...เดี๋ยวแม่จัดการให้ ความหวังดีที่อาจทำให้ลูกไม่โต | ทักษะ EF วันละตอน

ree

"ซื้อของให้ลูกตามใจนิดหน่อย..." 

"ช่วยเก็บของให้ เขาจะได้ไม่เหนื่อย..." 

"ช่วยทำแทนลูกนิดๆหน่อยๆ เพราะเห็นว่าลูกยังเล็ก..."


แต่รู้ไหมคะว่า...บางครั้ง "ความรัก" และ "ความปรารถนาดี" ของพ่อแม่อย่างเรานี่แหละค่ะ ที่อาจจะกลายเป็นพฤติกรรม "สายสปอยล์" ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนา ทักษะ EF ของลูกโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวเลย!


วันนี้เราจะชวนคุณพ่อคุณเเม่มาถอดรหัสพฤติกรรมยอดฮิตที่หลายคนอาจเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว และมาดูกันว่าเราจะปรับเปลี่ยนได้อย่างไร เพื่อสร้างรากฐาน EF ที่แข็งแกร่งให้ลูกรักของเรากันค่ะ



พฤติกรรมที่ 1 : "แม่จัดการให้หมด!" 


ree

ทำแทนลูกทุกอย่าง เพราะกลัวลูกจะเหนื่อย จะทำช้า หรือถ้าทำเเล้วจะเลอะเทอะ เช่น ลูกกำลังต่อจิ๊กซอว์แล้วต่อไม่ได้ก็รีบเข้าไปต่อให้จนเสร็จ เมื่อลูกหาของเล่นไม่เจอก็รีบวิ่งไปหาให้ทันที หรือเมื่อถึงเวลาเก็บของเล่น แต่ลูกมัวแต่เล่นเพลินก็รีบเก็บให้ลูกจนหมด 


การทำทุกอย่างแทนลูก หรือการ "จัดการให้หมด" ทำให้ลูกไม่จำเป็นต้องฝึกใช้ ทักษะการวางแผน (Planning) เพราะรู้ว่าจะมีคนคอยทำให้ นอกจากนี้ยังเป็นการขัดขวางไม่ให้ลูกฝึก การควบคุมตนเอง (Self-Control) และความอดทน เมื่อต้องเผชิญกับความยุ่งยาก ลูกจะเรียนรู้ว่าถ้าทำไม่ได้หรือไม่พอใจก็แค่ร้องขอ แล้วจะมีคนมาช่วยจัดการให้เสมอซึ่งส่งผลเสียในระยะยาวนั่นเองค่ะ


พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

  • เปลี่ยนเป็น "ให้คำแนะนำ" แทนที่จะทำให้เสร็จ ลองแนะนำลูกว่า "ลองหาชิ้นสีแดงดูก่อนสิ" หรือ "เราจะเก็บของเล่นจากกองนี้ไปไว้ในตะกร้ากันดีไหม?"

  • ให้เวลาลูกได้ลองผิดลองถูก ปล่อยให้ลูกหัดแก้ปัญหาเล็กๆ ด้วยตัวเอง เช่น หาของเล่นไม่เจอ ก็ปล่อยให้เขาพยายามหานานขึ้นสักหน่อยก่อนจะเข้าไปช่วย

  • สร้างกิจวัตรที่ต้องทำร่วมกัน เช่น "เราจะเก็บของเล่นให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปกินข้าวเย็นกันนะ" เพื่อฝึกให้ลูกรู้จักการวางแผนและทำตามกฎ



พฤติกรรมที่ 2 : "อะไรๆ ก็ได้" 


ree

พฤติกรรมนี้อาจดูเหมือนการเลี้ยงลูกแบบสบายๆ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งกับดักที่น่ากลัวได้เหมือนกัน เช่น ลูกขอกินขนมในช่วงเวลาที่ไม่สมควรก็ยอมให้ ลูกขอของเล่นระหว่างเดินห้างก็ซื้อให้ทันที เพราะไม่อยากให้ลูกเสียใจ 


พฤติกรรมการตอบสนองลูกทุกครั้งที่เขาเรียกร้องด้วยการอะไรก็ได้ ผลที่ตามมา คือ สมองของลูกจะเรียนรู้ว่าอยากได้อะไร ก็ต้องได้เดี๋ยวนี้ ซึ่งตรงข้ามกับการฝึก การรอคอยและความยับยั้งชั่งใจ (Inhibitory Control) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของทักษะ EF อย่างสิ้นเชิง เพราะลูกจะขาดความสามารถในการควบคุมความต้องการทันทีของตัวเองได้ ไม่ได้ฝึกที่จะหยุดคิดก่อนทำ รู้จักอดใจรอ หรือไม่เอาแต่ใจตัวเองได้


พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

  • ไม่ปฏิเสธแบบห้วนๆ แต่ใช้การอธิบายแทน เช่น ไม่ตอบไปเพียงว่า "ไม่ได้" เเต่ให้อธิบายว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาทานขนม การพูดแบบนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจหลักเหตุผล มากขึ้น และค่อย ๆ ฝึกการรอ

  • ใช้การเลื่อนเวลาเพื่อฝึกความอดทนทีละนิด เช่น ถ้าลูกอยากเล่นของเล่น  ให้บอกว่า "เราจะเล่นหลังเก็บของเสร็จนะ" การฝึกให้ลูกรอ 5-10 นาที สำหรับเด็กเล็กก็ถือว่าเป็นการฝึกทักษะ EF แล้ว

  • ยอมให้ลูกผิดหวังบ้าง (อย่างปลอดภัย) เพราะไม่ใช่ทุกอย่างที่ลูกอยากได้ต้องได้เสมอ เด็กต้องมีประสบการณ์กับคำว่าผิดหวังแต่ยังปลอดภัย  เพราะนี่เปรียบเสมือนวัคซีนทางอารมณ์ที่สำคัญมาก


พฤติกรรมที่ 3 : "ห้ามทำแบบนั้นนะ!"


ree

พฤติกรรมนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อพ่อแม่กลัวว่าลูกจะทำพลาด หรือไม่อยากให้ลูกทำอะไรที่ยุ่งยากค่ะ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็เลยเลือกใช้วิธีการไม่ให้ลูกได้เจอกับความผิดหวังเลย เช่น ไม่ยอมให้ลูกเเพ้เกม ไม่ให้ลูกเก็บของเล่นเอง เพราะกลัวว่าของเล่นจะพัง , หรือห้ามปรามไม่ให้ลูกช่วยเหลืองานในครัว เพราะกลัวลูกจะเปื้อน หรือเลอะเทอะได้ รวมถึงพยายามหลบเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้ลูกเศร้า


การห้ามลูกทำอะไรตั้งแต่ต้น ทำให้ลูกขาดโอกาสในการฝึกทักษะการริเริ่ม (Initiation) เพราะไม่เคยได้เริ่มทำอะไรด้วยตัวเอง นอกจากนี้การห้ามบ่อยๆ ยังส่งผลต่อความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory) ของลูก เพราะลูกจะได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันอยากทำแต่ถูกห้ามทำให้สมองไม่สามารถประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจลงมือทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ



พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

  • เปลี่ยนจาก "ห้าม" เป็น "ชี้แนะ" เช่น "ลองเก็บของเล่นดูสิ แต่ต้องระวังอย่าให้หล่นแตกนะ"

  • ให้โอกาสลูกได้ริเริ่ม ปล่อยให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ด้วยตัวเอง โดยมีพ่อแม่คอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น

  • ให้ลูกเป็นคนเลือกกิจกรรมที่อยากทำ ถามลูกว่า "วันนี้อยากทำอะไรก่อนดี?" เพื่อฝึกให้ลูกได้ริเริ่มและตัดสินใจด้วยตัวเอง



การเลี้ยงลูกด้วยความรัก ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ "ทำทุกอย่างแทน" นะคะ เราเข้าใจดีว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้านมีช่วงเวลาที่ใจอ่อนเป็นธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือเรารู้ทัน หันกลับมาสังเกตพฤติกรรมการเลี้ยงดูของตัวเอง และเริ่มเปลี่ยนทีละนิด ลองปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจทำไปโดยไม่รู้ตัวดูนะคะเพราะการสปอยล์ลูกแบบไม่รู้ตัวอาจทำให้ทักษะ EF ของลูกไม่ถูกฝึกในช่วงเวลาสำคัญ ควรให้โอกาสลูกได้เรียนรู้และเติบโตด้วยตัวเองจากกิจกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เชื่อว่าลูกรักของคุณจะมีรากฐานทักษะ EF ที่มั่นคง พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคตได้อย่างแน่นอนค่ะ


มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-


ความคิดเห็น


bottom of page