top of page

ปรับพฤติกรรม "เดี๋ยวค่อยทำ" ของลูก ด้วยความเข้าใจลองนำไปใช้ดู! | ทักษะ EF วันละตอน

ree

"เดี๋ยวค่อยทำ", "เดี๋ยวค่อยเก็บ! " คุณพ่อคุณแม่หลายท่านน่าจะเคยได้ยินประโยคลักษณะนี้จากลูกของเราอยู่บ่อยๆ จนคำว่า "เดี๋ยว" กลายเป็นคำติดปากของลูกไปแล้ว การตอบว่า เดี๋ยว หรือการผัดวันประกันพรุ่งนี้เช่นนี้ ทำให้ผู้ปกครองอย่างเราอดคิดไม่ได้ว่า ลูกเราเป็นเด็กขี้เกียจไปเเล้วหรือเปล่า แต่รู้ไหมคะว่าบางครั้ง "ผัดวันประกันพรุ่ง" ของเด็กๆ ไม่ได้มาจากความขี้เกียจ เเต่นั่นคือผลลัพธ์ของการที่เขายังไม่พร้อมด้านกลไกสมองโดยเฉพาะในเรื่องของทักษะ EF


วันนี้เราจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะว่า การผัดวันประกันพรุ่งของลูกนั้นเกี่ยวข้องกับทักษะ EF อย่างไร และมีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะช่วยปลุกพลังให้ลูกของเรากลายเป็นเด็กที่ ลงมือทำทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ 


ทำไมเด็กถึงชอบผัดวันประกันพรุ่ง?


คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจลูกได้มากขึ้นเลยค่ะ การผัดวันประกันพรุ่งของเด็กๆ มักมี

สาเหตุหลักๆ มาจาก 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทักษะ EF โดยตรง


  1. ขาดแรงจูงใจและความท้าทาย 

สำหรับเด็กเล็ก การทำกิจกรรมที่ดูน่าเบื่อ ซ้ำซาก หรือยากเกินไปจะทำให้พวกเขารู้สึกขาดแรงจูงใจที่จะเริ่มต้นทำ (Initiation) และเลือกที่จะทำกิจกรรมที่สนุกกว่าแทน เช่น เขาเห็นของเล่นอยู่ตรงหน้าก็หยิบมาเล่นเลย ลืมไปว่าต้องอ่านหนังสือ หรือเขารู้ว่าต้องทำการบ้าน แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยดึงเวลาไว้ก่อน เป็นต้น


  1. มองยังไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต

เด็กเล็กยังไม่สามารถคิดล่วงหน้าได้เหมือนผู้ใหญ่ พวกเขาจึงไม่เห็นความสำคัญของการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายามในตอนนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในภายหลัง ทำให้สมองส่วนที่ทำหน้าที่การวางแผน (Planning) และความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory) ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ และนำไปสู่พฤติกรรมการผัดวันประกันพรุ่งได้ง่าย

นั่นทำให้การเริ่มต้นทำบางอย่างสำหรับลูกจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเขา แม้จะเป็นเรื่องง่ายในสายตาผู้ใหญ่ก็ตามทีค่ะ



พ่อแม่จะชวนลูกฝึกทักษะ EF ได้อย่างไร ให้ลูกได้ลงมือทำอย่างมั่นใจ


  • ทำให้การเริ่มต้นเป็นเรื่องง่ายที่สุด เพราะสิ่งที่ยากที่สุดของการทำอะไรบางอย่างคือการเริ่มต้นค่ะ เราสามารถช่วยลูกได้ด้วยวิธีง่ายๆ 

-แบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ โดยแทนที่จะบอกว่า "ทำการบ้านให้เสร็จ" ลองเปลี่ยนเป็น "เรามาทำคณิตศาสตร์กัน 2 ข้อนี้ก่อนนะ"

-ใช้ตัวช่วยที่เป็นรูปธรรม เช่น ฝึกให้ลูกทำ Checklist การบ้าน หรือ Checklist การเก็บของเล่น เมื่อลูกทำเสร็จแต่ละอย่าง ให้ลูกได้ขีดฆ่าด้วยตัวเอง เพื่อให้เห็นความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอน

-เป็นเพื่อนร่วมเริ่มต้น ลองชวนลูกว่า "มาเริ่มเก็บของเล่นกันคนละ 5 ชิ้นก่อนนะ" หรือ "มาช่วยกันทำการบ้านข้อแรกก่อน" การมีคนร่วมเริ่มต้นจะช่วยให้ลูกรู้สึกง่ายขึ้นค่ะ

  • ช่วยลูกเห็นภาพงานที่ต้องทำให้ชัด เพราะเด็กที่ EF ยังไม่แข็งแรง จะมองงานใหญ่เป็นก้อนเดียว ทำให้รู้สึกท้อก่อนเริ่ม พ่อแม่ช่วยย่อยเป้าหมายให้เป็นขั้นเล็กๆ เช่น "วันนี้เก็บของเล่นแค่กล่องเดียวก่อน" หรือ "การบ้านมี 3 ข้อ ทำทีละข้อ" พอทำได้ทีละขั้นลูกจะเริ่มเห็นว่า เราทำได้นี่!


  • ฝึกให้รู้จักจัดลำดับและวางแผน (Planning & Organizing) ลองให้ลูกเลือกเองว่าสิ่งไหนควรทำก่อน-หลัง เช่น การบ้านกับดูการ์ตูนไม่ต้องบังคับให้ถูกทุกครั้ง แต่การฝึกคิดล่วงหน้า = ฝึก EF ด้านการวางแผนและตัดสินใจ ถ้าเลือกผิด ก็ให้เขาได้เรียนรู้จากผลลัพธ์โดยไม่ต้องตำหนิรุนแรง


  • สอนให้ลูกรู้จักการควบคุมตนเอง (Inhibitory Control) นั่นก็คือการห้ามใจ ไม่ทำตามใจตัวเองทันที เช่น รู้ว่าไม่ควรเล่น แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เด็กที่ยังฝึกทักษะ EF ด้านนี้ไม่พอ มักจะอยากทำสิ่งที่ชอบก่อนแล้วค่อยทำสิ่งที่ควร ซึ่งหลายครั้งการค่อยทำก็กลายเป็นไม่ได้ทำอยู่เสมอ ดังนั้นพ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกฝึกอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เช่น เล่นได้หลังเก็บของ หรือดูการ์ตูนหลังอ่านหนังสือ จะช่วยให้สมองฝึกหยุดยั้งความอยากในตอนนี้ เพื่อแลกกับสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตนั่นเอง


  • สอนลูกว่าการบริหารเวลา (Time Management) เป็นสิ่งสำคัญ เด็ก ๆ มักไม่รู้ว่าเวลาที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถเอาคืนมาได้ พวกเขารู้แค่ว่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวค่อยทำ จนบางครั้ง… เดี๋ยวกลายเป็นลืม เดี๋ยวกลายเป็นหมดเวลา พ่อแม่อาจลองใช้ตัวช่วยจับเวลา เช่น นาฬิกาทราย หรือแอปจับเวลา เพื่อให้ลูกรู้สึกถึงการเดินของเวลาแบบชัดเจน ช่วยฝึกให้เขาควบคุมและบริหารเวลาได้ดีขึ้น


การผัดวันประกันพรุ่งของลูกอาจไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากทำ แต่เพราะกลไกสมองยังไม่พร้อมโดยเฉพาะในเรื่องของทักษะ EF เช่น การวางแผน ควบคุมตนเอง หรือบริหารเวลา เเละการฝึกฝนเหล่านี้ไม่ได้ยากเลยค่ะ พ่อแม่ไม่ต้องใช้วิธีการดุลูก แต่ต้องช่วยลูกฝึก EF ไปพร้อมกัน  เพียงคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจและเปลี่ยนวิธีการเข้าหาลูกจาก "การสั่ง" เป็น "การชวน" และจาก "การบ่น" เป็นการสร้างแรงจูงใจ เชื่อเถอะคะว่า ด้วยความรักและความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่ ลูกจะสามารถพัฒนาทักษะ EF และปลุกพลังการลงมือทำในตัวเองให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแน่นอน


มากกว่า 'ของเล่น' คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-



ความคิดเห็น


bottom of page