ลูกเลิกติดจอ! พร้อมฝึกทักษะ EF ที่พ่อแม่ทำตามได้จริง
- ASTA Mammy & Kids
- 18 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 มิ.ย.

ปัญหาลูกติดหน้าจอเป็นเรื่องกวนใจพ่อแม่ยุคใหม่หลายบ้าน เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อสายตาและพัฒนาการทางกายภาพแล้ว ยังฉุดรั้ง ทักษะ EF (Executive Functions) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย
เมื่อลูกใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป สมองจะได้รับการกระตุ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้ขาดโอกาสในการฝึกฝน ทักษะ EF ที่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ การรอคอย การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หน้าจอให้ไม่ได้ การฝึก ทักษะ EF ตั้งแต่ยังเล็กจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อความสำเร็จในอนาคต ทั้งด้านการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต

วันนี้พี่แอสต้าจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างทักษะ EF ไปพร้อมกัน
(1). กำหนดกฎเหล็กที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ

สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างข้อตกลงร่วมกันกับลูกเกี่ยวกับเวลาการใช้หน้าจอ กำหนดเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวัน เช่น ให้ดูได้วันละ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นช่วง ๆ เพื่อไม่ให้ลูกดูต่อเนื่องกันนานเกินไป ที่สำคัญคือต้อง บังคับใช้กฎอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ผ่อนผันไปเรื่อยๆเพราะความไม่สม่ำเสมอจะทำให้ลูกไม่รู้ว่าอะไรคือขอบเขตที่แท้จริง การสร้างระเบียบวิธีปฏิบัติจะช่วยพัฒนาทักษะ EF ในการจัดการเวลาและการวางแผน
เคล็ดลับ : ใช้ Visual Schedule หรือตารางกิจกรรมที่ลูกเห็นและเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้ลูกรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดูจอ และเมื่อไหร่ที่ต้องหยุด
(2). ชวนทำกิจกรรมที่ใช้ “ทักษะ EF” นอกบ้าน

การหากิจกรรมสนุกๆ ที่กระตุ้น ทักษะ EF นอกบ้าน เป็นวิธีที่ได้ผลดีเยี่ยมในการเบี่ยงเบนความสนใจจากหน้าจอ และยังได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันกับลูกอีกด้วย
• การเล่นกีฬา : ไม่ว่าจะเป็นการเตะฟุตบอล วิ่งเล่น หรือปั่นจักรยาน ล้วนช่วยฝึกการเคลื่อนไหว การตัดสินใจ และการควบคุมตนเอง
• การออกไปสำรวจธรรมชาติ : ชวนลูกเดินเล่นในสวนสาธารณะ สังเกตนก ต้นไม้ แมลง การได้ใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และจินตนาการ
• การเล่นบทบาทสมมุติ : ให้ลูกสวมบทบาทเป็นตัวละครต่าง ๆ เช่น หมอ คุณครู หรือเชฟ การคิดบทพูด การแก้ไขสถานการณ์จำลอง ช่วยฝึกทักษะการวางแผนและการยืดหยุ่นทางความคิด
3.สร้างมุมอ่านหนังสือหรือมุมเล่นที่เอื้อต่อการเล่นอิสระ

จัดบ้านให้มีมุมเล่นหรือมุมอ่านหนังสือที่น่าสนใจ มีของเล่นเสริมพัฒนาการหรือหนังสือที่ลูกชอบวางไว้ในระดับที่หยิบได้ง่าย เด็กจะได้มีตัวเลือกที่สนุกพอ ๆ กับการดูจอ หรือเสริมพัฒนาการผ่านการเล่นอย่างอิสระ เช่น การเล่นตัวต่อ เลโก้ การวาดภาพ หรือการอ่านนิทาน การให้ลูกมีโอกาสได้เล่นอิสระช่วยให้พวกเขาได้ใช้จินตนาการ แก้ปัญหาด้วยตนเอง และพัฒนาทักษะ EF ไปพร้อมกัน
เคล็ดลับ : หมุนเวียนของเล่นให้ลูกเล่นไม่เบื่อ อาจเก็บของเล่นบางชิ้นไว้แล้วนำกลับมาให้เล่นใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
4. เล่นกับลูก-เพิ่มเวลาคุณภาพ

อย่าลืมว่าสิ่งที่ลูกต้องการมากกว่าหน้าจอ คือ 'เวลา'และ 'ความสนใจ'จากพ่อแม่ ลองแบ่งเวลาสั้น ๆ สัก 15–30 นาทีในแต่ละวัน เล่นกับลูกอย่างตั้งใจโดยไม่ดูมือถือไปด้วย จะช่วยให้เด็กมีความสุข อารมณ์ดี และลืมหน้าจอไปได้เอง นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาทองในการสอนให้ลูกฝึกคิดแก้ปัญหาและทำงานเป็นทีมอีกด้วย
5. พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีด้วยการลดการใช้หน้าจอลงด้วย

ลูกเรียนรู้จากการเลียนแบบ การที่คุณพ่อคุณแม่ลดเวลาการใช้หน้าจอลง และหันมาสนใจกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวมากขึ้น จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้กับลูก เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ยังติดหน้าจอแล้วจะไปบอกลูกได้อย่างไรว่าให้ลดลง ดังนั้นสามารถเริ่มปรับพฤติกรรมลดหน้าจอด้วยการที่พ่อแม่เป็นต้นเเบบที่ดีให้ลูกเห็นนั่นเอง
• กำหนดเวลาปลอดหน้าจอในครอบครัว : เช่น ช่วงเวลาอาหารเย็น หรือช่วงเวลาเล่นก่อนนอน ให้ทุกคนวางโทรศัพท์และแท็บเล็ตลง แล้วหันมาพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกัน
• ชวนทำกิจกรรมที่สร้างปฏิสัมพันธ์ : ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิทานก่อนนอน เล่นเกมกระดาน หรือทำอาหารด้วยกัน กิจกรรมเหล่านี้ล้วนสร้างความผูกพันในครอบครัว และช่วยส่งเสริม ทักษะ EF ของลูกไปในตัว

การลดเวลาหน้าจอของลูกไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องอาศัยความอดทนและสม่ำเสมอจากคุณพ่อคุณแม่ สร้างบรรยากาศให้ลูกได้ฝึกทักษะ EF ผ่านการเล่นและทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างกิจวัตรที่เอื้อต่อการเรียนรู้แทนการดูจอ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ค่อยๆปรับวิธีการเลี้ยงดูเเละสื่อสารอย่างเข้าใจ ลูกจะค่อยๆฝึกทักษะ EF ได้ด้วยตัวเอง ทั้งการยับยั้งชั่งใจ การวางแผน และการควบคุมอารมณ์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เด็กมีภูมิคุ้มกันทางสมอง รู้วิธีจัดการเวลา รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดดูจอ และเมื่อไหร่ควรหันไปหากิจกรรมสร้างสรรค์แทน
คุณพ่อคุณเเม่ทุกบ้านสามารถเริ่มได้ทีละก้าวทุกบ้านสามารถเริ่มได้ทีละก้าว เมื่อทักษะสมองแข็งแรง จอจะค่อยๆ หมดเสน่ห์ไปเอง และสิ่งที่ลูกได้แทนคือการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งกาย ใจ และสมองนั่นเอง
มากกว่า ‘ของเล่น’ คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก
วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?
-A.smartbrain-
Comments