top of page

อยากให้ลูกมีทักษะ EF ที่ดี พ่อแม่ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน ทำอย่างไรให้ได้ผล!

อัปเดตเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา


คุณพ่อคุณเเม่หลายบ้านอาจมุ่งเน้นการหากิจกรรมหรือของเล่นเพื่อพัฒนาทักษะ EF ให้ลูก แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่มักถูกมองข้ามคือ พ่อแม่เอง คือ "แบบฝึกหัดที่มีชีวิต" ที่ลูกจะซึมซับและเรียนรู้ได้ดีที่สุด ดังนั้นก่อนจะสอนลูก พ่อแม่ควรเริ่มต้นพัฒนาทักษะ EF ของตัวเองก่อน เมื่อพ่อแม่มีทักษะ EF ที่ดี เช่น รู้จักจัดลำดับความสำคัญ ควบคุมอารมณ์ได้ ไม่วู่วาม มีวินัย และแก้ปัญหาเป็น ลูกจะเห็นพฤติกรรมนี้เป็นเรื่องปกติและค่อยๆ เลียนแบบพฤติกรรมนี้ไปโดยไม่รู้ตัว นี่คือวิธีปลูกฝัง EF ที่ยั่งยืนที่สุด


ในบทความนี้ เราจะพาทุกบ้านไปเรียนรู้ วิธีฝึกทักษะ EF ของพ่อแม่ พร้อมเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำได้จริง ไม่ซับซ้อน แต่ได้ผลยาวนาน


• ทำไมพ่อแม่ต้องฝึกทักษะ EF ของตัวเองก่อน?

เพราะเด็กจะเรียนรู้ทักษะ EF จากการสังเกตพฤติกรรมของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่มีวินัย รู้จักจัดการอารมณ์ มีความรับผิดชอบ และวางแผนได้ดี ลูกก็จะซึมซับทักษะเหล่านี้โดยอัตโนมัติ การสอนทักษะ EF จึงไม่ได้ใช้แค่คำพูด แต่ต้องทำให้เห็นจริงในชีวิตประจำวัน


พ่อแม่ที่มีทักษะ EF ที่ดีจะส่งผลต่อลูกอย่างไร?


• พ่อแม่ที่มีทักษะยับยั้งชั่งใจดี : จะสามารถจัดการกับความหงุดหงิดหรือความโกรธได้อย่างเหมาะสม ไม่แสดงอารมณ์รุนแรงต่อหน้าลูก ทำให้ลูกได้เห็นแบบอย่างของการควบคุมตนเอง สร้างความรู้สึกปลอดภัย และช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน

• พ่อแม่ที่มีความจำใช้งานดี : สามารถวางแผนกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ ทำให้กิจวัตรในบ้านมีความสม่ำเสมอและคาดเดาได้ ลูกจะซึมซับการจัดระเบียบ การทำตามขั้นตอน และการรับผิดชอบต่อหน้าที่

• พ่อแม่ที่มีความยืดหยุ่นทางความคิด : เมื่อเกิดปัญหาหรือความขัดแย้ง พ่อแม่จะไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ แต่จะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากลูก ลองหาวิธีแก้ไขปัญหาใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแผนเมื่อจำเป็น สิ่งนี้จะสอนให้ลูกเรียนรู้ที่จะปรับตัว มองโลกในแง่บวก และหาทางออกอย่างสร้างสรรค์


การที่พ่อแม่พัฒนาทักษะ EF ของตัวเองจึงเป็นมากกว่าการพัฒนาตนเอง แต่คือการลงทุนในการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับพัฒนาการของลูกอย่างแท้จริง

คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มต้นพัฒนา ทักษะ EF ของตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันดังนี้


• จัดตารางชีวิตประจำวันให้เป็นระบบ

เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการจัดตารางเวลาในแต่ละวันให้ชัดเจน เช่น เวลาตื่น เวลาทำงาน เวลาพาลูกเข้านอน พยายามทำให้เป็นเวลาเดิมทุกวัน เพื่อฝึกให้สมองส่วนหน้าเคยชินกับการวางแผนและจัดลำดับงานโดยอัตโนมัติ


ตัวอย่างเช่น :

หากต้องพาลูกไปโรงเรียนแต่เช้ามาก ลองเตรียมกระเป๋า ชุดนักเรียน อาหารเช้า ตั้งแต่ก่อนนอน เพื่อให้เช้าไม่เร่งรีบ เป็นการจัดการเวลาและวางแผนล่วงหน้าไปพร้อมกัน หรือเขียน To-Do List ก่อนนอน ลองจัดลำดับความสำคัญ 3 เรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในวันพรุ่งนี้ แล้วเช็กตอนเย็นว่าทำครบหรือยัง


• ฝึกนิสัยทำงานให้เสร็จทีละอย่าง

การทำหลายอย่างพร้อมกันอาจฟังดูเก่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่ช่วยฝึกทักษะ EF เพราะจะทำให้สมองสับสน ลองฝึกโฟกัสสิ่งเดียวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเรื่อง จะช่วยให้สมองฝึกการควบคุมตนเองและความจำใช้งานได้ดีขึ้น


ตัวอย่างเช่น :

ขณะช่วยลูกทำการบ้าน ปิดมือถือหรือปิดเสียงแจ้งเตือน จะได้โฟกัสกับลูกเต็มที่ ทำงานเดียวจบก่อนสลับไปงานต่อไป


• ฝึกยั้งคิดและควบคุมอารมณ์

เมื่อเกิดสถานการณ์ตึงเครียด อย่าเพิ่งดุลูกทันที ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีอธิบายเหตุผลแทน จะได้ฝึกทักษะ EF ทั้งการควบคุมอารมณ์ และฝึกความยืดหยุ่นทางความคิดไปพร้อมกัน ทักษะ EF จะพังทันทีถ้าอารมณ์พัง! ลองฝึกเทคนิคเล็ก ๆ เหล่านี้


-เมื่อรู้สึกโกรธ ลองนับ 1-10 หรือเดินออกมาจากสถานการณ์สักครู่

-ใช้ "ประโยคหยุดใจ" เช่น "เดี๋ยวก่อน..." หรือ "ใจเย็นไว้..."

-ทบทวนสิ่งที่อยากพูดก่อนพูด โดยคิดว่า คำพูดนี้จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือเลวร้ายลง?


ตัวอย่างเช่น :

เมื่อลูกดื้อ ไม่ทำการบ้านตามสัญญา แทนที่จะดุทันที ลองหายใจลึก ๆ และถามลูกด้วยน้ำเสียงสงบ เช่น “หนูอยากให้แม่ช่วยอะไรมั้ย?” วิธีนี้ลูกจะเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์จากเราโดยตรง


• ฝึกการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

เพราะในทุกวันจะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เราต้องเลือก ฝึกพิจารณาข้อดีข้อเสีย ก่อนตัดสินใจ จะช่วยให้สมองส่วน EF แข็งแรงขึ้น


ตัวอย่างเช่น :

หากมีเรื่องให้เลือก เช่น จะซื้อของชิ้นนี้ดีไหม? ลองใช้หลัก 5 นาที คิดทบทวนข้อดีข้อเสียก่อนกดซื้อ จะช่วยยั้งคิดและตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ตามอารมณ์ชั่ววูบ


• ร่วมกิจกรรมฝึก EF กับลูก

การฝึก EF ไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ พ่อแม่กับลูกสามารถฝึกไปพร้อมกันอย่างสนุกสนาน เช่น


-เล่นบอร์ดเกม หรือเกมลับสมอง เช่น เกมจับผิดภาพ เกมเรียงลำดับเรื่องราว เกมจำคำสั่ง

-เล่นบทบาทสมมติ เช่น สมมติสถานการณ์และหาทางออก เช่น “ถ้าลืมสมุดการบ้านไว้ที่โรงเรียนจะทำยังไงดี?”

-สอนลูกตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น วันนี้เก็บของเล่นให้ครบก่อนนอน แล้วทำสำเร็จด้วยกัน


กิจกรรมเหล่านี้ช่วยฝึกการวางแผน ยั้งคิด ยืดหยุ่นความคิด ทั้งพ่อแม่และลูกได้ประโยชน์ทั้งคู่


"ทักษะ EF" ของพ่อแม่ คือรากฐานที่มั่นคงสำหรับลูก การพัฒนา ทักษะ EF ของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวคุณเอง แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่ออนาคตของลูกรัก เมื่อคุณพ่อคุณแม่สามารถจัดการอารมณ์ วางแผน และปรับตัวได้ดีขึ้น คุณกำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความสงบ ความสม่ำเสมอ และความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการบ่มเพาะทักษะ EF ของลูกอย่างเป็นธรรมชาติ


เพราะลูกคือกระจกสะท้อนการกระทำของเรา การที่พ่อแม่เริ่มต้นที่ "ตัวเรา" ในการพัฒนา ทักษะ EF นั้น เท่ากับว่าเรากำลังมอบของขวัญอันล้ำค่าที่สุดให้แก่ลูก นั่นคือ "ศักยภาพที่แข็งแกร่งในการเผชิญหน้ากับโลก" คุณพร้อมที่จะเริ่มสร้างรากฐานที่มั่นคงนี้ไปพร้อมกันแล้วหรือยังคะ?


มากกว่า ‘ของเล่น’ คือเห็นคุณได้เล่นกับลูก

วันนี้คุณเล่นกับลูกแล้วหรือยัง?

-A.smartbrain-

 
 
 

コメント


bottom of page